บินยังไง?ถ้าไปเกาหลี

บินยังไง?ถ้าไปเกาหลี 

เรื่่องตั๋วเครื่องบิน ณ ขณะนี้มีสายการบินบินตรงกว่า 9 สายการบิน

ที่มีให้บริการเที่ยวบินจากประเทศไทยสู่ประเทศเกาหลี

อีกทั้งยังมีอีกหลายสายการบินที่บินแบบแวะเปลี่ยนเครื่องตามสนามบินต่างๆ ท่านสามารถขอคำแนะนำและข้อเสนอดีๆ จากบริษัทตั๋วที่ท่านใช้อยู่ เพราะ ถ้าไปหลายหลายคน ท่านอาจจะได้ราคาพิเศษ (ถูกกว่าจองเอง) หรือ เข้าไปดูราคาตั๋วตามเว็บไซด์ของสายการบินต่างๆ หรือดูราคาประมาณการจากหน้าเว็บของ www.journeykorea.com ท่านเลือกจองช่องทางที่ท่านได้ตามความสะดวก สำหรับท่านที่มีพาสปรอตไทย ใช้หนังสือเดินทางที่มีอายุที่ใช้งานได้มากกว่า 6 เดือน  สามารถเข้าเกาหลีในรูปแบบนักท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 90 วัน (การทำหนังสือเดินทาง เช็คที่  www.consular.go.th) หากท่านไปเที่ยวกับครอบครัวหรือเพื่อนต่างชาติ (เรื่องวีซ่า เช็คที่ www.tha.mofa.go.kr เพราะ ท่านควรทำวีซ่าเข้าเกาหลีก่อนซื้อตั๋วเครื่องบิน)

หากท่านต้องซื้อบัตรโดยสารภายในประเทศเพื่อไปและกลับกรุงเทพฯ  กรุณาเลือกซื้อบัตรโดยสารภายในประเทศประเภทที่สามารถเลื่อนวันและเวลาในการเดินทางได้      ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาเที่ยวบินล่าช้าหรือการเปลี่ยนแปลงเวลาของเที่ยวบินหรือการเปลี่ยนแปลงวันเดินทาง

สนามบินนานาชาติในเกาหลี

การจองซื้อตั๋วเครื่องบิน (ขอขอบคุณ แหล่งข้อมูลจาก www.plan-travel.com/ticket.html)

1. ติดต่อผ่านสำนักงานของสายการบินที่ท่านต้องการโดยตรง
วิธีนี้เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ใกล้ สำนักงานสายการบิน แต่มีข้อเสียคือ ท่านจะซื้อตั๋วในราคาเต็มตามหน้าตั๋วเท่านั้น
2. สั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์ ของสายการบินที่ท่านต้องการเดินทาง วิธีนี้ท่านไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่สำนักงานสายการบินเมื่อต้องการซื้อตั๋ว แต่ท่านต้องไปรับตั๋วด้วยตนเอง และจะซื้อตั๋วได้ในราคาเต็มตามหน้าตั๋ว เช่นกัน
3. สั่งซื้อผ่านบริษัท ตัวแทนทั้งหลาย มีทั้งเล็กใหญ่ ให้เลือกมากมาย พร้อมการบริการส่งตัวตั่วและรับชำระเงิน ซึ่งราคาก็จะถูกกว่า พร้อมพนักงานที่จะอำนวยความสะดวกให้ ถ้าถามว่าเป็นไปได้อย่างไร จะขายถูกกว่ามีบริการมากกว่า ตัวบริษัท แอร์ไลน์ เหตุผลง่ายที่สุดและเข้าใจง่ายคือ แอร์ไลน์ หรือ สายการบิน (Airlines) นั้นๆ ต้องการให้เป็นแบบนี้ ส่วนราคาใครจะถูกกว่ากัน ก็จะไปอยู่ที่ข้อตกลงกับทางสายการบิน รูปแบบบริการที่นำมาเสนอให้กับลูกค้า
(update เดี๋ยวนี้จองผ่านหน้าเว็บ Airline อาจได้ราคาถูก แต่คุณ ต้องมีความเชี่ยวชาญในการ จองตั๋วเครื่องบิน รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เวลามีปัญหา จะได้รู้ว่าไปจัดการกับอะไรที่ไหน!)
4. สั่งซื้อผ่านบริษัท ตัวแทนจำหน่ายทั้งหลายที่ได้นำ ระบบออนไลน์มาให้บริการ อีกทั้งระบบของสายการบินได้นำ้ตั๋ว E- Ticket มาใช้ อย่างเป็นทางการ แล้ว E-Ticket คืออะไรต่างจากอดีตอย่างไร ไปดูกัน
การจองและซื้อตั๋วเครื่องบินต้องทำอย่างไรบ้าง
เราต้องรู้อะไรบ้างก่อนจะไปซื้อตั๋วเครื่องบิน กรณีที่ต้องติดต่อบริษัทตัวแทนขายตั๋วเครื่องบิน หรือ Travel Agent เพื่อจองตั๋วเครื่องบิน เราควรจะต้องให้ข้อมูลอะไรบ้างกับบริษัทตัวแทนทั้งหลายที่เราติดต่อด้วย
1. จุดหมายปลายทาง บอกสถานที่ต้องการจะไป ประเทศ และเมืองอย่างละเอียด ชัดเจน เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะบางเมืองชื่อซ้ำกัน แต่อยู่กันคนละประเทศ
2. รายละเอียดวันเวลาที่เราจะเดินทาง ไปเมื่อไร จะกลับเมื่อไร สายการบินที่ต้องการใช้บริการ (อาจเป็นความชอบส่วนตัวคุณ) จำนวนตั๋วกี่ที่นั่ง ต้องการเดินทางชั้นไหน เช่น ชั้นธรรมดา ชั้นธุรกิจ หรือชั้นหนึ่ง
สามารถยืดหยุ่นวันและเวลาเดินทางได้หรือไม่ เช่น ต้องการเดินทาง ระหว่างวันที่… เพราะบางครั้งการปรับเลื่อนเวลา หรือ วันเดินทางเร็วขึ้น หรือช้า ลงเพียงเล็กน้อยมีผลมากต่อราคาตั๋วเครื่องบิน (เกิดไปตรงกับ ช่วงโปรโมชั่น ก็จะได้ราคาถูกกว่าปกติ เป็นต้น)
3. ชื่อ นามสกุลของผู้เดินทางทั้งหมด สะกดถูกต้องตรงตามหนังสือเดินทาง (สะกดผิด เดี๋ยวจะไม่ได้ขึ้นเครื่องบิน)
4. เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้สะดวก, อีเมล์ หรือ เบอร์แฟกซ์ เพื่อให้ทางบริษัทตัวแทนฯสามารถส่งข้อมูลการทำจองตั๋วเครื่องบิน และตั๋ว E-Ticket ให้เราได้ และถ้าเที่ยวบินยกเลิก หรือ ล่าช้าทางบริษัทฯ หรือสายการบินจะได้แจ้งให้เราทราบได้
5. ข้อมูลรายละเอียดอื่นๆเกี่ยวกับตัวเราหรือผู้เดินทาง (ไม่ใช่ข้อมูลลับส่วนตัวนะ)
• อาหารการกิน ปากท้องเรื่องสำคัญ โดยปกติแต่ละสายการบินจะมีรายการอาหารให้เลือกได้ 1 รายการ จาก 2 หรือ 3 รายการที่มีให้เลือก แต่ถ้าต้องรับประทานอาหารที่ต้องควบคุมเป็นพิเศษ เช่น อาหารเจ อาหารมังสวิรัติ หรืออื่นๆ ต้องแจ้งให้บริษัทตัวแทนฯ ทราบ มิฉะนั้นท่านจะได้กินตามที่สายการบินมีให้บริการเท่านั้น
• ที่นั่งบนเครื่อง ชอบที่นั่งตรงไหน ริมหน้าต่าง ริมทางเดิน หรือมีเลขที่นั่งในดวงใจก็บอกไปได้เลย แต่จะได้หรือ ไม่ได้ตามที่ขอว่ากันอีกที
• หมายเลขสมาชิกสะสมไมล์การเดินทาง เพื่อสะสมไมล์การเดินทางแต่ละครั้ง (ถ้ามี) หากลืมบอกกับบริษัทตัวแทนฯ สามารถแจ้ง กับเจ้าหน้าที่เช็คอินได้ ( ควรเก็บบัตรขึ้นเครื่องหรือ Boarding Pass ไว้ทุกครั้ง เพื่อเป็นหลักฐานเปรียบเทียบกับใบแจ้งไมล์สะสม ว่าครบถ้วน ถูกต้องหรือไม่ )
6. เมื่อทางบริษัทฯ ตัวแทนขายตั๋วเครื่องบินส่งข้อมูลการทำจองมาให้แล้ว ให้เราทำการตรวจเช็ครายละเอียดต่าง ๆ ชื่อ-นามสกุล,วัน เวลา สถานที่ ที่เดินทาง,สายการบิน,ราคา ว่าถูกต้องหรือไม่ ถ้าตรงไหนไม่ถูกต้องให้รีบแจ้งกลับไปเพื่อแก้ไขให้ถูกต้อง (อย่าช้า)
7. หลังจากตรวจเช็ครายละเอียดทุกอย่างถูกต้องแล้ว ก็ทำการจ่ายเงินกันตามรูปแบบที่ได้ตกลงกันกับทางบริษัทฯ เพื่อทางบริษัทฯจะได้ทำการออกตั๋วให้ ซึ่งลักษณะของตั๋วที่ได้อาจจะเป็น E-Ticket หรือ Paper Ticket (ตั๋วที่เป็นเล่ม)
8. รับตั๋วกันตามรูปแบบที่ตกลงกันกับทางบริษัทตัวแทนฯ
9. ได้รับตั๋วเครื่องบินจากทางบริษัทฯให้ทำการตรวจเช็คตั๋วอีกครั้ง ชื่อ-นามสกุล และรายละเอียดการเดินทาง เป็นอะไรที่สำคัญ ต้องเช็คอย่างละเอียดรอบคอบ ในกรณีที่ตั๋วเป็น E-Ticket ให้ตรวจเช็ครายละเอียดตั๋วเครื่องบิน ที่ทางบริษัทฯส่งมาให้ว่า มีเลขที่ตั๋วของทางสายการบิน 13 หลักหรือไม่ ถ้ายังไม่มีเลขที่ตั๋ว แสดงว่าตั๋วยังไม่ได้ทำการออก เราไม่สามารถเดินทางได้ (บางครั้งการดำเนินงานของบริษัทฯอาจมีการล่าช้า เนื่องจากมีผู้ใช้บริการมาก)

E-Ticket ดีอย่างไร ?
• สะดวกในการซื้อขายระหว่างบริษัทตัวแทนฯ Travel Agent และผู้โดยสาร สามารถเลือกวิธีการรับตั๋ว E-Ticket ได้หลายวิธี เช่น อีเมล์, sms, แฟกซ์
• หมดปัญหาเรื่องตั๋วหาย หรือลืมตั๋ว
• สามารถเดินทางโดยไม่ต้องถือตั๋วเครื่องบิน ก็เพราะมันเป็นตั๋วอัจฉริยะ เมื่อออกตั๋วแล้ว ข้อมูลจะถูกส่งไปที่สายการบินทันที เมื่อไปเช็คอินตั๋ว ของเราก็จะปรากฏที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของสายการบินอัตโนมัติ
• ราคาถูกกว่าตั๋วเครื่องบินที่ออกเป็นตั๋วกระดาษ
เราจะรู้ได้อย่างไรว่า E-Ticket ที่ซื้อมาจากบริษัทตัวแทนฯทั้งหลายนั้นเป็น E-Ticket ของจริงหรือไม่ จะได้บินชัวร์ ก็เสียเงินไปเป็นหมื่น เป็นแสน แล้วได้มาแค่กระดาษหนึ่งใบ เป็นคำถามที่ดี เราสามารถเช็คได้ไม่ยาก

E-Ticket คืออะไร? หมายถึงอะไร?
E-ticket หรือชื่อเต็มๆว่า electronic ticket น่าจะเรียกเป็นภาษาไทยได้ว่า ตั๋วอัจฉริยะ ที่เชื่อมต่อข้อมูลกันเป็นเครือข่าย เป็นตั๋วเครื่องบิน แห่งยุคเทคโนโลยีที่เปลี่ยนจากตั๋วเครื่องบินเล่มเล็กๆ มาเป็น E-Ticket ที่เมื่อสั่งพิมพ์ออกมาจะเป็นเพียงกระดาษหนึ่งใบ การบินไทย เป็นสายการบินแรกในเมืองไทย ที่นำระบบ E-Ticket มาใช้ให้บริการเส้นทาง ภายในประเทศเมื่อประมาณปี พ.ศ.2546 จากนั้นก็ขยายเป็นเส้นทางระหว่างประเทศของสายการบินไทยและ สายการบินอื่นๆ ( ที่ต่างประเทศใช้ E-Ticket ก่อนบ้านเรา ) ปัจจุบันยังคงมีบางสายการบินที่ยังคงใช้ตั๋วเล่มแบบเดิมอยู่ในบางเส้นทาง แต่ก็มีน้อยมาก

ที่ทำการจองตั๋ว E-Ticket จะมีอยู่ 3 รายใหญ่ๆ โดยการจองผ่าน ดังนั้นให้คุณสอบถามกับคนที่คุณออกตั๋วดัวยว่าออกโดยระบบอะไร

  1. จอง ผ่านระบบกาลิเลโอ Galileo 
  2. จอง ผ่านระบบอมาเดอุส Amadeus 
  3. จอง ผ่านระบบอบาคัส Abacus 

สายการบิน ที่เราไว้วางใจ